กระเจี๊ยบแดง กับ 4 ประโยชน์ที่คาดไม่ถึง
กระเจี๊ยบแดง ภาษาอังกฤษ Rosella, Jamaican sorel, Roselle, Rozelle, Sorrel, Red sorrel, Kharkade, Karkade, Vinuela, Cabitutu ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa Linn. จัดอยู่ในวงศ์ชบา (MALVACEAE)
กระเจี๊ยบแดง (Rosella) นับเป็นหนึ่งในยาสมุนไพรที่มีการใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง ในงานสาธารณสุขมูลฐานจึงจัดกระเจี๊ยบแดงเป็นยาสมุนไพรประจำบ้านที่ใช้ง่ายและมีความปลอดภัยสูง คนไทยส่วนใหญ่มักนำดอกกระเจี๊ยบแดงมาทำเครื่องดื่มช่วยดับกระหายคลายร้อน และรสชาติที่เปรี้ยว ๆ ของกระเจี๊ยบแดงก็ช่วยให้ชุ่มคอ ผลสดรสเปรี้ยวชาวบ้านจะเอาไปปรุงรสแกงส้ม หรือเอาไปต้มเคี่ยวกวนกับน้ำตาลทำเป็นแยม ถ้ามีเยอะก็มักจะตากแห้งเก็บไว้ใช้ประโยชน์อื่น ๆ ส่วนใบกระเจี๊ยบชาวสวนก็เก็บมาจำหน่ายตามตลาดผัก นำไปทำแกงส้มหรือผักลวกจิ้มพริก
หมอพื้นบ้านจะใช้ทำยารักษากลุ่มพวกแก้ไอ ดอกกระเจี๊ยบจะกัดเสมหะและแก้ไอได้ดี และช่วยขับเมือกมันในลำไส้ลงสู่ทวารหนัก และขับออกทางทวารหนัก สำหรับเมล็ดของกระเจี๊ยบมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง แก้ดีพิการ ขับปัสสาวะ
ลักษณะของกระเจี๊ยบแดง
- ต้น จัดเป็นไม้พุ่มมีความสูงประมาณ 50-180 เซนติเมตร มีอยู่หลายสายพันธุ์ ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด
- ใบ มีใบเป็นใบเดี่ยว ใบมีหลายลักษณะ ลักษณะคล้ายรูปฝ่ามือ 3 แฉก หรือ 5 แฉก ใบเว้าลึกหรือเรียบ หรือใบเป็นรูปรีแหลม หรือรูปเรียวแหลม ขอบใบมีจักเป็นฟันเลื่อย ใบมีความกว้างและความยาวใกล้เคียงกันประมาณ 8-15 เซนติเมตร และก้านใบมีความยาวประมาณ 5 เซนติเมตร
- ดอก ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบ มีกลีบดองสีชมพูหรือสีเหลือง บริเวณกลางดอกจะมีสีเข้มกว่าคือสีม่วงแดง ดอกมีเกสรตัวผู้เชื่อมกันเป็นหลอด ก้านดอกสั้น มีริ้วประดับเรียวยาวปลายแหลม มี 8-12 กลีบ กลีบเลี้ยงจะแผ่ขยายติดกันออกหุ้มเมล็ดไว้ มีสีแดงเข้มและหักง่าย เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร
- ผล ลักษณะของผลเป็นรูปรีมีปลายแหลม ผลมีความยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่จะแห้งแตกเป็น 5 แฉก ในผลมีเมล็ดสีน้ำตาล ลักษณะคล้ายรูปไตอยู่จำนวนมาก ประมาณ 30-35 เมล็ดต่อผล และผลยังมีกลีบเลี้ยงหนาสีแดงฉ่ำน้ำหุ้มอยู่ เราจะเรียกส่วนนี้ว่ากลีบกระเจี๊ยบหรือกลีบรองดอก (Calyx) หรือที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นดอกกระเจี๊ยบนั่นเอง
คุณค่าทางโภชนาการของกระเจี๊ยบแดง (กลีบดอก) ต่อ 100 กรัม (% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
- พลังงาน 49 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 11.31 กรัม
- ไขมัน 0.64 กรัม
- โปรตีน 0.96 กรัม
- วิตามินเอ 14 ไมโครกรัม 2%
- วิตามินบี 1 0.011 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 2 0.028 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 3 0.31 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินซี 12 มิลลิกรัม 14%
- ธาตุแคลเซียม 215 มิลลิกรัม 22%
- ธาตุเหล็ก 1.48 มิลลิกรัม 11%
- ธาตุแมกนีเซียม 51 มิลลิกรัม 14%
- ธาตุฟอสฟอรัส 37 มิลลิกรัม 5%
- ธาตุโพแทสเซียม 208 มิลลิกรัม 4%
- ธาตุโซเดียม 6 มิลลิกรัม 0%
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดง
- ป้องกันโลหิตจาง กระเจี๊ยบแดงอัดแน่นด้วยธาตุเหล็กและเบต้าแคโรทีนมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจางที่เกิดจากการขาดธาตุเหล็กและผู้ที่ขาดวิตามินเออีกทั้งคอยบำรุงรักษาเส้นเลือดให้แข็งแรงและยืดหยุ่นตัว
- ลดการเกิดนิ่ว ใครจะรู้ว่ารสเปรี้ยวตามธรรมชาติของกระเจี๊ยบแดงเกิดจากกรดอินทรีย์หลายชนิดเช่นกรดแอสคอร์บิกกรดซิตริกกรดมาลิกกรดทาร์ทาริกซึ่งมีคุณสมบัติละลายเสมหะบรรเทาอาการไอและลดอาการปัสสาวะขัดช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะรวมถึงขจัดการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ป่วยผ่าตัดนิ่วในไต
- สาวๆ กินดีบำรุงเพศ มีงานวิจัยพบว่าสารสกัดจากกลีบดอกกระเจี๊ยบมีฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนสตรีเหมาะเอาไว้ให้สตรีวัยทองดื่มดูแลร่างกายปรับฮอร์โมนให้คงที่และถ้าบริโภคกระเจี๊ยบต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือนสามารถ ลดไขมันในเส้นเลือดน้ำตาลในเลือดไขมันคอเลสเตอรอลไตรกลีเซอไรด์ไขมันเลว (LDL) แต่ไขมันชนิดดี HDL กลับเพิ่มขึ้น
- มีวิตามินซีสูง นอกจากนี้กระเจี๊ยบยังรักษาและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงป้องกันหวัดลดไข้แก้ร้อนในกระหายน้ำขับเมือกมันในลำคอให้ลงสู่ทวารหนักขับเมือกมันจากลำไส้ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้นใช้เป็นยาระบาย อ่อนๆและกำจัดสารพิษออกจากร่างกายทางปัสสาวะ
ขอบคุณที่มา : Women’s Health Thailand www.womenshealththailand.com และ http://womenshealththailand.com/